Last updated: 26 มิ.ย. 2566 | 675 จำนวนผู้เข้าชม |
สี 1 ถัง ทาได้กี่ตารางเมตร? วิธีคำนวณราคางบประมาณค่าทาสี และปริมาณสีที่ใช้
การทาสีบ้านในแต่ละที ไม่ว่าจะทาสีภายนอก ทาสีภายใน ทาสีห้องเก่า ห้องใหม่ นอกจากเรื่องสีสันที่ต้องเลือกให้โดนใจ เรื่องงบประมาณก็เป็นอีกเรื่องที่มองข้ามไม่ได้ เนื่องจากถ้าไม่ระวังค่าใช้จ่าย ทั้งค่าสี ค่าช่างทาสี หรือแม้กระทั่งค่าอุปกรณ์ทาสีในกรณีที่ทาสีเอง ก็อาจบานปลายจนคาดไม่ถึง วันนี้เบเยอร์มีเทคนิคประมาณการงบทาสีง่ายๆ พร้อมอัพเดตค่าแรงทาสีปี 2565 มาฝากกัน
คำนวณราคาทาสี มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
การจะทาสีบ้าน หรือรีโนเวทสีห้องใหม่ อาจมีราคาเริ่มต้นที่หลักร้อยบาทไปจนถึงหลายล้านบาทเลย เนื่องจากปัจจัยที่ทำให้ค่าทาสีถูกหรือแพง จะขึ้นอยู่กับ 3 สิ่งนี้ ได้แก่ ค่าสี และ ค่าจ้างช่างทาสี (ค่าแรงทาสี) เราลองไปดูกันว่าค่าต่างๆ เหล่านี้ในตลาดปัจจุบันเค้ามีวิธีการคำนวณอย่างไร และจะต้องเตรียมเงินเท่าไหร่ถึงจะพอ
1.ค่าสี
ค่าสีในที่นี้หมายถึง ค่าผลิตภัณฑ์สีทั้งหมดที่เราต้องใช้ทั้งสีทับหน้า (สีชั้นนอกสุด) สีรองพื้น และผลิตภัณฑ์ซ่อมแซมพื้นผิว ซึ่งขึ้นอยู่กับ ประเภทของสี จำนวนพื้นที่การทาสี และจำนวนสีที่ต้องใช้
โดยทั่วไปชนิดสีทับหน้าที่นิยมใช้ทาผนังปูนภายนอก หรือภายในจะเป็นกลุ่มสีน้ำอะคริลิก ข้อดีของสีประเภทนี้คือแห้งเร็ว กลิ่นอ่อน และทนทานต่อสภาวะแวดล้อมต่างๆ ได้ดี ซึ่งปกติเราจะแบ่งสีตามเกรดการใช้งาน ยิ่งเกรดสูงยิ่งทนทานได้นาน มีคุณสมบัติพิเศษต่างๆ เพิ่มเข้ามา และมีราคาสูง เพื่อนๆ ก็ลองพิจารณาถึงความต้องการดูนะครับ
สีทาบ้านเกรดอัลตราพรีเมียม เป็นสีเกรดสูงสุด มีความทนทานระดับ 15 ปี ราคาเริ่มต้น 550 บาท*
สีทาบ้านเกรดพรีเมียม มีความทนทานระดับ 10 ปี ราคาเริ่มต้น 400 บาท*
สีทาบ้านเกรดมาตรฐาน มีความทนทานระดับ 7 - 9 ปี ราคาเริ่มต้น 300 บาท*
สีทาบ้านเกรดอีโคโนมี่ มีความทนทานระดับ 3 - 5 ปี ราคาเริ่มต้น 200 บาท*
ในส่วนของ สีรองพื้นและผลิตภัณฑ์ซ่อมแซมพื้นผิว เป็นสิ่งที่จำเป็นไม่แพ้สีทับหน้า เพราะไม่ว่าจะเป็นบ้านใหม่หรือบ้านเก่า ก็จำเป็นต้องเตรียมพื้นผิว ซ่อมแซมพื้นผิวที่มีปัญหาก่อนทาสี และทาสีรองพื้นตาม ตามระบบก่อนเสมอ เพื่อป้องกันปัญหาสีที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และช่วยให้สีทับหน้าติดแน่นทนนานมากกว่าเดิม
สีรองพื้นปูนเก่า ราคาเริ่มต้น 400 บาท*
สีรองพื้นปูนใหม่ ราคาเริ่มต้น 500 บาท*
สีรองพื้นปูนอเนกประสงค์ (ใช้ได้ทั้งปูนเก่าและปูนใหม่) ราคาเริ่มต้น 500 บาท*
จากนั้นเมื่อเรารู้แล้วว่าเราต้องซื้อผลิตภัณฑ์สีอะไรบ้างสีอะไร สีเกรดไหน สีรองพื้นประเภทใด สิ่งต่อมาที่เราต้องหาคำตอบให้ได้คือ ขนาดพื้นที่ผนังที่เราจะทาสี มีพื้นที่กี่ตารางเมตร เพื่อที่เราจะได้นำข้อมูลส่วนนี้ไปซื้อสีมาใช้ให้จำนวนพอดีกับพื้นที่ ไม่เหลือหรือไม่ขาด เนื่องจากผลิตภัณฑ์สีแต่ละชนิดมีคุณสมบัติครอบคลุมพื้นที่การทา และจำนวนเที่ยวที่ต้องทาแตกต่างกัน ซึ่งวิธีการคำนวณพื้นที่ทาสี และปริมาณสีที่ใช้ สามารถทำได้ดังนี้
วิธีคำนวณพื้นที่ทาสี
วิธีการคำนวณแบ่งเป็นวัดพื้นที่ผนังภายนอกและภายใน จำง่ายๆ ว่า ผนังไหนที่เราจะทาสีผนังนั้นต้องเอามาคำนวณ! สำหรับผนังภายนอก ให้วัดหรือคำนวณพื้นที่รอบตัวบ้านคร่าวๆ ถ้าเป็นบ้านเดี่ยวสามารถคำนวณได้ตามสูตรนี้ (กรณีถ้าเป็นบ้านแฝดหรือทาวน์เฮาส์ ทาวน์โฮม ผนังบ้านด้านที่ติดกันไม่ต้องนำมาคำนวณ (เพราะเป็นพื้นที่เพื่อนบ้านไงล่ะ)
(หน้ากว้าง x ความสูง) บวก (หลังกว้างx ความสูง) บวก (ความลึกด้านซ้าย x ความสูง) บวก (ความลึกด้านขวา x ความสูง)
ได้เท่าไหร่ให้เอาไป ลบ ด้วยพื้นที่ของหน้าต่างและประตู
ในทำนองเดียวกัน การคำนวณพื้นที่ผนังภายใน ก็ใช้วิธีการ นำพื้นที่ผนังด้านที่ต้องการทาสี (ความกว้างxสูง) มารวมกัน แล้ว ลบ ด้วยพื้นที่หน้าต่างและประตู ส่วนฝ้าเพดานให้เอาความกว้าง x ความยาว
วิธีคำนวณปริมาณสีที่ต้องใช้จริง
เมื่อได้ขนาดพื้นที่ทาสีเป็นตารางเมตร ทีนี้เราก็สามารถนำมาคำนวณปริมาณสีที่ต้องใช้ได้แล้ว ซึ่งโดยทั่วไป สีทาภายนอก สีทาภายใน สีรองพื้นปูนเก่า สีรองพื้นปูนใหม่ ขนาดถัง 1 แกลลอน (ประมาณ 3 ลิตร) จะรองรับการทาครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 30 ตารางเมตร ต่อ 1 เที่ยว
ดังนั้นสูตรการคำนวณ ก็คือ " เอาพื้นที่ทั้งหมด (ตารางเมตร) หารด้วย 30 " ก็จะได้คำตอบแล้วว่าจะต้องใช้สีกี่แกลลอน แต่เดี๋ยวก่อน!! สูตรนี้ใช้ได้ก็ต่อเมื่อเราทาสีเพียงเที่ยวเดียว แต่สำหรับใครที่ต้องการทาสีระบบมาตรฐาน ควรทาสีจริง (สีทับหน้า) อย่างน้อย 2 เที่ยว และทาสีรองพื้น อย่างน้อย 1 เที่ยว
ดังนั้นสูตรการคำนวณจริงๆ ของสีทับหน้าอาจจะต้องเอาไปคูณ 2 หรือ 3 (กรณีต้องการทา 3 เที่ยว) พูดแบบนี้เพื่อนๆ อาจเริ่มปวดหัวแล้ว ไม่เป็นไร ลองดูตัวอย่างต่อไปนี้ได้เลย
ถ้าคิดตามสูตรดังกล่าว สี 1 แกลลอนจะทาได้พื้นที่ประมาณ 30 ตารางเมตร ดังนั้นพื้นที่ 300 ตารางเมตร เราจะต้องใช้สีรองพื้นทั้งสิ้น 10 แกลลอน และถ้าสมมุติว่าจะทาสีทับหน้า (ก็คือทาสีจริงที่เราต้องการนั่นแหละ เช่น สีฟ้า ม่วง ชมพู เขียว ฯลฯ) ตามระบบ 2 เที่ยว ก็จะใช้สีทาภายนอกทั้งสิน 20 แกลลอน นั่นเอง สำหรับการคำนวณปริมาณสีทาภายในก็ใช้หลักการเดียวกันได้เลยครับ หรือถ้าง่ายกว่านั้นสามารถกดที่ปุ่มด้านล่างเพื่อคำนวณปริมาณสีที่ต้องใช้ได้เลย
หลังจากได้จำนวนแกลลอนก็เอาไปคูณกับราคาสีทับหน้า และสีรองพื้น ก็จะได้ราคาเฉพาะค่าผลิตภัณฑ์สีที่ต้องการแล้วครับ หรือถ้ามีผลิตภัณฑ์ซ่อมแซมพื้นผิวก็เอาไปบวกเพิ่มด้วยนะ แต่สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือ สีแต่ละรุ่นอาจจะมีการรองรับพื้นที่ไม่เท่ากัน และสีที่มีเฉดแตกต่างกันอาจจะมีราคาไม่เท่ากัน ดังนั้นสิ่งเหล่านี้อาจส่งผลให้ราคาสีถูกลง หรือแพงขึ้นได้ด้วยนะครับ
เคล็ดลับน่ารู้: เวลาไปร้านขายสีซื้อสี ให้บอกขนาดพื้นที่ของ "ผนัง" อย่าบอกพื้นที่ห้อง หรือพื้นที่บ้านไปนะครับ และที่สำคัญถ้าคำนวณแล้วใช้ปริมาณเยอะๆ การซื้อสีถังใหญ่ เช่น ถังขนาด 2.5 แกลลอน ถังขนาด 5 แกลลอน จะทำให้ค่าสีถูกลงได้ด้วยนะ ดังนั้นสี 1 ถัง จะสามารถทาได้ประมาณ 30 - 35 ตารางเมตร
2.ค่าทาสี (ค่าจ้างช่างสี)
กรณีที่ไม่ได้มีคนงาน หรือไม่ต้องการจะทาสีเอง การจ้างช่างทาสี คือทางเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากทางช่างหรือบริษัทเราเหมาทาสี จะทำการประเมินค่าใช้จ่ายมาให้เลย ทำให้เราทราบได้ทันทีว่าเราจะต้องจ่ายเงินทั้งหมดเท่าไหร่ ไม่ต้องมานั่งคำนวณขนาดห้อง ซื้อสีเองขาดๆ เกินๆ ส่วนใหญ่ช่างจะคิดตามพื้นที่การทาสี จากที่สำรวจล่าสุดปี 2565 ราคาค่าแรงทาสีจะอยู่ที่ประมาณ 50 - 180 บาท/ตารางเมตร ซึ่งจะมีทั้งที่เป็นเฉพาะค่าแรงเท่านั้นไม่รวมค่าสี
แต่ปัจจุบันก็จะมีหลายๆ บริษัทก็คิดบริการทาสีแบบเหมาพื้นที่เป็นแพ็กเกจ รวมค่าบริการ ค่าสำรวจหน้างาน ค่าอุปกรณ์ และค่าผลิตภัณฑ์สีมาให้เลย เพียงแค่บอกเค้าว่าต้องการจะทาสีห้องพื้นที่ขนาดเท่าไหร่
ราคาแพ็คเกจแบบเหมาบริการทาสีภายใน เริ่มต้นที่ 11,900 บาท*
ราคาแพ็คเกจแบบเหมาบริการทาสีภายนอก เริ่มต้นที่ 15,900 บาท**
*ราคาโดยประมาณพื้นที่ขั้นต่ำ 10 ตารางเมตรเป็นต้นไป **ราคาโดยประมาณพื้นที่บ้านหน้ากว้าง 5 ตารางเมตรเป็นต้นไป
นอกจากนี้หากใช้บริการรับเหมาทาสีอาจจะมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าสำรวจหน้างานประเมินพื้นที่ก่อนทาสี หรือ กรณีทาสีภายนอก อาจจะมีค่าบริการตั้งนั่งร้านด้วย อย่างไรก่อนทาสีลองสอบถามกับช่างสี หรือบริษัทรับเหมาทาสีถึงเงื่อนไขให้ดีก่อนนะครับ ซึ่งค่าตั้งนั่งร้านก็จะเริ่มประมาณ 10,000 บาท
สุดท้ายและท้ายที่สุดเมื่อคำนวณออกมาจนได้ค่าสี กับค่าช่างเรียบร้อย ก็นำทั้งสองมารวมกัน ทีนี้เราก็จะได้ค่าทาสีทั้งหมดในครั้งนี้แล้วครับผม อย่างไรก็ตามถ้าลองคำนวณแล้วเกินงบประมาณที่ตั้งไว้ อาจจะลองแจ้งกับช่างสีให้ลดเกรดของสีลงมาก็ได้เช่นเดียวกันครับ
26 มิ.ย. 2566